China

มีระบบเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดและเป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างมาก ปัจจุบันนับเป็นเป้าหมายใหม่ของนักเรียนที่นิยมมาเรียนต่อมากขึ้นทุกปี เนื่องจากค่าใช้จ่าย และ ค่าครองชีพ ไม่สูง ได้ภาษาจีน และสถาบันศึกษาที่มีการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐาน ทันสมัย ติดอันดับโลก

Why China?

การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของจีน รวมถึง การศึกษา ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาเป็นอย่างมาก และเร่งพัฒนาเทคโนโลยี่การสอนอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งให้งบประมาณด้านการวิจัย และทุนสำหรับนักเรียนต่างชาติอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีนักเรียนต่างชาติสนใจมาเรียนต่อมากขึ้นทุกปี
เด็กไทยเมื่อจบกลับมาจะได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีน เป็นการเพิ่มศักยภาพและคุณสมบัติเฉพาะตัว ก่อนเข้าสู่การทำงาน และการไปเรียนที่จีน ทำให้น้องได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ชีวิตที่ต้องดูแล ช่วยเหลือตัวเอง พบว่ามีน้องบางคนได้เปิดโลกทัศน์และเห็นช่องทางการทำงานได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
ปัจจุบัน การไปเรียนต่อที่จีน มีความสะดวกมากขึ้น การพัฒนาด้านเทคโนโลยี่ต่างๆ ของจีนเองด้วย ทำให้การไปเรียนต่อที่จีนไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลอีกต่อไป มีผู้สนใจเรียนต่อในสาขาวิชาต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

China Education System

1. ระดับอนุบาล อายุ 3-5ปี (ไม่ใช่ภาคบังคับ)
2. ระดับประถมศึกษา อายุ 6-11 ปี (ภาคบังคับ)
3. ระดับมัธยมศึกษาต้น อายุ 11-14 ปี (ภาคบังคับ)
4. ระดับมัธยมศึกษาปลาย อายุ 14-17 ปี (ไม่ใช่ภาคบังคับ) มีทั้งด้านวิชาการ วิชาชีพ และอาชีวศึกษา

เป็นการศึกษาในโรงเรียนวิชาชีพ หรือหลักสูตรอบรมวิชาชีพต่างๆ ทั้งระยะสั้น และ ระยะยาว เพื่อผลิตบุคลากรเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยรัฐบาลจีนได้ส่งเสริมและพัฒนาด้านอาชีวะศึกษาอย่างเต็มที่ มีการร่วมมือกับภาคเอกชนและหน่วยงานทุกสาขาประเภท ทำให้การพัฒนาฝีมือแรงงานของจีนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว

นักเรียนชาวจีนต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหมือนประเทศไทย ซึ่งมีการแข่งขันสูงมาก นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะเข้าเรียนภาคภาษาอังกฤษ และส่วนใหญ่จะมีวิชาภาษาจีนเป็นวิชาบังคับในปีแรกๆ ด้วย การเรียนปริญญาตรี ใช้เวลาเรียนปกติ 4 ปี ยกเว้นบางคณะ เช่น สถาปัตย์ แพทย์ ทันตแพทย์ จะใช้เวลาเรียนมากกว่า ส่วนภาคภาษาจีนจะต้องใช้ผล HSK ยื่นสมัครด้วย สำหรับนักเรียนที่คะแนนดี จะมีโอกาสได้รับทุนตั้งแต่ ทุนแรกเข้า RMB 5,000 จนถึง ทุนเต็ม 100% ค่าเทอม ค่าที่พัก เบี้ยเลี้ยง

จะมีทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษและจีน เด็กไทยที่มีคะแนนดี จะสมัครเข้าเรียนปริญญาโท และได้รับทุนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักเรียนที่จบปริญญาตรีที่สถาบันใดและคะแนนดี จะสมัครเรียนและได้ทุนเช่นกัน การเรียนระดับปริญญาโท ใช้เวลาเรียน 2-3 ปี นักเรียนจะได้ฝึกงานในระหว่างเรียนและบางคนตัดสินใจหาประสบการณ์หลังจบการศึกษาและได้ทำงานกับบริษัทในจีน

นักเรียนที่จบปริญญาโทด้วยคะแนนดี มักจะได้รับข้อเสนอทุนเพื่อเรียนต่อระดับปริญญาเอกด้วย การเรียนระดับปริญญาเอกใช้เวลา 3 ปี 

Expense

เมื่อเทียบกับการเรียนต่อต่างประเทศ ประเทศจีนจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก อีกทั้งยังมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติ ตั้งแต่ทุนแรกเข้าจนถึงทุนแบบเต็มจำนวน ทำให้เป็นที่นิยมและมีผู้สมัครไปเรียนต่อมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี

ประมาณการค่าใช้จ่าย

หลักสูตรภาษาจีน

0
RMB / Year

ปริญญาตรี

0
RMB / Year

ปริญญาโท

0
RMB / Year

ปริญญาเอก

10000
RMB / Year

ทุนสำหรับนักเรียนต่างชาติ มีหลายประเภท หลายระดับ เช่น

-ทุนรัฐบาลจีน CSC หรือ China Scholarship Council 

-ทุนมณฑล Provincial Government Scholarships

-ทุนมหาวิทยาลัย School Scholarships 

-ทุนขงจื่อ CIS Confucius Institute Scholarships

-ทุน President 

-ทุน International Student 

ฯลฯ

How to Apply

1. หาข้อมูล เลือกสถาบัน Requirement and condition

1.หาข้อมูลเลือกสถาบัน ProInterEd จะดูแลข้อมูลที่อัพเดทสุดของสถาบันได้ เนื่องจากแต่ละสถาบันจะมีการปรับปรุงหลักสูตรทุกปี และจะต้องดูสถานะของสถาบันด้วย เนื่องจากการรับนักเรียนต่างชาติจะต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลเท่านั้น โดยเฉพาะระดับโรงเรียน จะยิ่งมีข้อกำหนดมากกว่าเด็กโต โรงเรียนที่รับได้จะมีไม่มากนัก และมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการรับนักเรียนต่างชาติได้ตลอดเวลา

2. เอกสารการสมัคร

ควรเตรียมให้ครบถ้วน โดยเฉพาะระดับโรงเรียนจะมีเอกสารที่ต้องเตรียมหลายรายการ ระดับปริญญาตรี สามารถใช้คะแนน ม.ปลาย 5เทอม สมัครได้ และต้องแสดงฉบับเต็ม ในวันลงทะเบียนเรียนเมื่อบินไปจีน ส่วนใหญ่แล้ว เอกสารพื้นฐาน จะคล้ายกัน อาจมีแตกต่างเพิ่มเติม ตามข้อกำหนดของแต่ละมหาวิทยาลัยและมณฑล เช่น บางแห่งต้องมีการแปล transcript เป็นภาษาจีนด้วย หรือ มีใบรับรองประวัติอาชญากรรม ผลตรวจสุขภาพ ควรเผื่อเวลาในการเตรียม และรับรองเอกสารต่างๆ 1 เดือนขึ้นไป

3.ยื่นใบสมัคร Apply

โดยปกติ ถึงแม้จะมีกำหนดวันปิดรับใบสมัคร แต่ก็ไม่ควรส่งในวันสุดท้าย เนื่องจากบางมหาวิทยาลัยที่มีผู้สมัครเป็นจำนวนมาก จะมีโอกาสที่จำนวนที่นั่งเรียนเต็มก่อนวันปิดรับ เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาใบสมัครตามหมายเลขใบสมัครเท่านั้น เมื่อได้จำนวนนักเรียนครบแล้ว จะไม่สามารถรับเพิ่มได้อีก

4.รอแจ้งการตอบรับ

การพิจารณามีตั้งแต่ทราบผลเร็วภายใน 2 อาทิตย์ จนถึง หลังปิดรับสมัคร 1-2 เดือนสำหรับมหาวิทยาลัย โดยสถาบันจะออกเอกสาร Admission Notice เป็นการตอบรับในเบื้องต้น ผู้สมัครจะต้องชำระค่าเทอม หรือค่ามัดจำเป็นการยืนยันที่นั่งเรียน จากนั้นทางสถาบันจึงจะสามารถดำเนินการเพื่อออกเอกสาร JW202 และ Admission Letter ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการใช้ยื่นขอวีซ่านักเรียนต่อไป

Visa

ขั้นตอนและเอกสารในการขอวีซ่านักเรียน

เมื่อนักเรียน นักศึกษา ได้รับใบตอบรับเข้าเรียนแล้ว รวมทั้งผู้ได้รับทุนรัฐบาลจีน รวมทั้งหลักสูตรภาษาจีนระยะสั้น 1-3 เดือน หรือ 1 เทอมขี้นไปจะต้องทำวีซ่าประเภทนักเรียน (X1 หรือ X2)

*Visa X1 สำหรับนักเรียนศึกษาระยะเกิน 180 วันขึ้นไป

*Visa X2 สำหรับนักเรียนไปศึกษาระยะไม่เกิน 180 วัน

ในการทำวีซ่า ต้องมีเอกสารสำคัญตัวจริง คือ JW201 หรือ JW202 และ Admission Letter โดยเมือได้วีซ่าแล้ว จะแสดงเป็นประเภท X1 หรือ  X2 วีซ่านี้ จะใช้เพื่อเข้าประเทศจีน และนักเรียนที่เรียนแบบระยะยาว เกิน 180 วัน จะต้องทำคำร้องขอพำนักระยะยาว ( Resident Permit) ต่อหน่วยงานสันติบาลในพื้นที่ ภายใน 30 วัน เพื่ออยู่เรียนในจีนได้ เป็นเวลา 1 ปี หลักสูตรที่เรียนแบบมีวุฒิ จะต้องต่ออายุ Resident Permit  ปีต่อปี

เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นขอวีซ่านักเรียน

เอกสารที่ใช้ 

  1. หนังสือเดินทาง ต้องมีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน ต้องมีหน้าวีซ่าว่างพร้อมสำเนาหน้าข้อมูลของหนังสือเดินทาง 1 ใบ 
  1. แบบฟอร์มขอวีซ่า กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วนพร้อมเซ็นชื่อ 
  1. รูปถ่ายปัจจุบัน ขนาด 2 นิ้ว (48 มม. X 33 มม.) หน้าตรง รูปสี ไม่สวมหมวก รูปถ่ายที่ใช้ในหนังสือเดินทาง 1 รูปและติดรูปถ่ายในแบบฟอร์มขอวีซ่า 
  1. เอกสารหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)  
  1. JW201 หรือ JW202 (เอกสารสำคัญ) ออกโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน ฉบับจริงและสำเนา (การยื่นขอเพื่อศึกษาในระยะสั้นและฝึกงานในระยะไม่เกิน 6 เดือน ก็ต้องยื่นเอกสารทั้งสองนี้เช่นกัน) 
  1. Admission Notice เอกสารจากมหาวิทยาลัยที่ตอบรับเข้าเรียน 
    1. เอกสารรับรองการตรวจร่างกายที่ออกโดยหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐทั้งฉบับจริงและสำเนา กรณีศึกษาระดับอุดมศึกษา เกิน 6 เดือน